วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2551
อ่านทบทวนเพื่อวิเคราะห์ประเด็น
การพัฒนาการฟังและการพูด เริ่มต้นจากที่บ้าน การที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่อยู่แวดล้อมมากเพียงใด เด็กก็จะมีพัฒนาการฟังและการพูดมากเพียงนั้น เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเรียนรู้ภาษาโดยเด็กจะเรียนรู้การใช้ภาษาของตนทั้งด้านความหมายประโยคและเสียงจากสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ พ่อแม่เป็นสิ่งแวดล้อมทางภาษาของเด็ก เด็กเรียนรู้ภาษาพูดโดยไม่มีแบบแผนซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้นการสอนภาษาให้กับเด็กที่โรงเรียนควรสอนให้ง่ายเหมือนกับการเรียนรู้มีบ้าน เด็กที่มาจากครอบครัวที่สนใจพูดกับเด็กไม่ว่าเด็กจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ตามเด็กจากครอบครัวนั้นจะสามารถแสดงออกได้มากกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวที่พูดน้อย ทั้งนี้การที่เด็กสนทนาบ่อย ๆ ทำให้เด็กได้เรียนรู้คำศัพท์ ได้คิดได้สื่อสารได้แสดงออกซึ่งมีผลต่อพัฒนาการแสดงออก และสติปัญญารวมถึงพัฒนาการทางสังคมด้วย การพัฒนาภาษาควรเริ่มตั้งแต่เด็กปฐมวัยเพราะเป็นวัยที่มีพัฒนาทางการทางภาษาเจริญงอกงามอย่างรวดเร็ว ภาษาไม่เป็นเพียงเครื่องมือ สื่อความหมายเท่านั้นแต่ยังเป็นแนวทางในการแสดงความคิดริเริ่มสร้างสรรค์การส่งเสริมให้เด็กใช้
ภาษาที่ถูกต้องจึงช่วยให้เด็กสามารถแสดงความคิดความเข้าใจของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น”
วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551
ค้นหาพฤติกรรมที่สะท้อนการใช้ภาษาของเด็ก
จากความคิดเห็นและเสนอพฤติกรรมที่สะท้อนพัฒนาการทางภาษาของเด็กโดยสมาชิก
เห็นมีที่ว่างก็จะขีดเขียน, วาดรูปและบอกชื่อไม่สัมพันธ์กับภาพที่วาด
พูดอธิบายใต้ภาพ, พูดคนเดียวในขณะเล่นและทำท่าทางประกอบ
เลียนแบบคำพูดพ่อแม่และคนใกล้ชิด, อธิบายสิ่งที่ตนเองเขียน
ซักถามด้วยคำว่า อะไร ทำไม ซ้ำๆ, เล่าเรื่องราวมีความจริงปนกับจินตนาการ
แสดงความพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ,เขียนเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับตนเอง
แสดงท่าทางเลียนแบบสิ่งของที่ตนเองอยากได้, แสดงท่าทางเมื่อดีใจ เสียใจ ไม่พึงพอใจ
ใช้ภาษาวกวนหรือเปลื่อนตำแหน่งคำทำให้ความหมายเปลี่ยน,แนะนำตนเอง
เล่าประสบการณ์ของตนเองด้วยเรื่องใกล้ตัว,เล่าเรื่องราวประกอบความคิดเห็น
แสดงความอยากรู้อยากเห็นและถามคำถามอย่างสงสัยทั้งอยากได้คำตอบและถามเฉย
ร้องเพลงเลียนแบบและร้องตามจินตนาการ,เล่าเรื่องจากภาพตามความคิดของตนเอง
ท่องคำคล้องจองตามแบบและตามจินตนาการ,ปฎิบัติตามคำสั่งและใช้คำสั่งกับผู้อื่น
แสดงออกด้วยท่าทางที่สื่อความหมายแทนการใช้สายตา , คุยโทรศัพท์
ใช้คำศัพท์ได้ตามความต้องการใช้ เช่น ขอ..เมื่ออยากได้ ไม่เอา...เมื่อต้องการปฎิเสธ
เล่าเรื่องโดยใช้นิทาน, เล่าเรื่องจริงจากประสบการณ์
เล่าเรื่องจริงจากประสบการณ์,อ่านป้ายโฆษณาที่พบเห็น
บอกสัญลักษณ์ที่เป็นยี่ห้อของสินค้าได้,เขียนบอกความรู้สึก
ฟังและสนทนากับผู้ใหญ่ได้,เป็นตัวแทนกล่าวนำสวดมนต์ได้
จากพฤติกรรมดังกล่าวเตรียมคิดไว้เลยนะคะ ว่าเราจะส่งเสริมพัฒนาการและพฤติกรรมที่เด็กๆแสดงออกได้อย่างไร
วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2551
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยตนเอง
ลูกหลานเอ๋ย...ทำงานให้เหงื่อออกทางรูขุมขนดีกว่ายากจน จนน้ำไหลออกตา คุ้นเคยไหมจ๊ะ (หลวงพ่อคูณ) มีหลายคนที่มีความตั้งใจและพัฒนางานของตนเองซึ่งประโยชน์ที่ได้รับไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากตัวเราเอง
: เรวดีมีภาพน่าสนใจดีถ้ามีการเขียนใต้ภาพเพื่อสะท้อนความรู้สึกจะดียิ่งและต้องดูด้วยว่าในงานของวิชาภาษาไทยของเรามีครบแล้วหรือยัง
: มิว เพิ่มการบันทึกอนุทินหรือบทความหน่อยจะดีมากนะจ๊ะ
: ปาจรีย์ มีสิ่งน่าสนใจในBlogมากๆ จะเป็นไปได้ไหมที่จะสอนเพื่อนๆบ้าง เพราะ Blog...ของเราเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ใช่ไหมเอ่ย
: วิภาดา...ภัทรานิตย์...สุนิดา..ภิษาณี..อัจฉราพรรณ..แอ๋ว..อังคณา ..สะกาวเดือน...เกศิณี..ดุษฎี..ไม่พบและไม่ปรากฏ ช่วยดิดหน่อยว่าจะทำอย่างไรกันดี
: อัจฉราพรรณ..อุบล..สวารี..สุวารี..จีรวรรณ..สิริพร..พรรณิภา..วรรณิสา..สวานี.. นิราพร..ไม่คืบหน้า พัฒนา หน่อยนะคะ
: กนกวรรณ..พัฒนา..blog อยู่ผิดที่ผิดทางหรือเปล่าจ๊ะ
: ใครที่ไม่มีชื่อปรากฏติ่ดต่อด่วนครูรอคอยพวกเราได้แต่อย่าให้นานเกินไปนะคะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)